简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ควรจับตา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ข้อมูลการจ้างงาน ส่วนในฝั่งไทย รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และควรติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ความกังวลปัญหาเสถียรภาพของระบบธนาคารที่ทยอยคลี่คลายลง ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดกล้าเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) มากขึ้นควรจับตา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ข้อมูลการจ้างงาน ส่วนในฝั่งไทย รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และควรติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก
• เงินดอลลาร์อาจเคลื่อนไหว sideways ในช่วงก่อนตลาดรับรู้ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ทั้งนี้ เงินดอลลาร์จะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น โดยมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้ หากยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมและการเติบโตของรายได้ออกมาดีกว่าคาด
• ส่วนค่าเงินบาท อาจเคลื่อนไหวไร้ทิศทางในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ เช่นกัน ทว่า หากราคาทองคำย่อตัวลงต่อเนื่อง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด ก็อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง ตามโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวได้ ทั้งนี้ เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า หากนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยมากขึ้น และผู้เล่นในตลาดยังคงคาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อ ซึ่งต้องรอติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนมีนาคม
• มองกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 33.85-34.40 บาท/ดอลลาร์
ไฮไลต์สำคัญทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้มีดังนี้
1. ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญ คือ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เดือนมีนาคม โดยเฉพาะ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) โดยตลาดคาดว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ นั้นยังคงแข็งแกร่งและตึงตัว สะท้อนผ่านยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมที่อาจเพิ่มขึ้น +2.4 แสนราย ส่วนยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTs Job Openings) อาจลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 10.4 ล้านตำแหน่ง ซึ่งคิดเป็นเกือบ 1.8 เท่าของจำนวนผู้ว่างงาน ชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงตึงตัวอยู่ ซึ่งอาจทำให้ อัตราการเติบโตของค่าจ้างยังคงสูงราว +4.3%y/y
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (ISM Mfg. & Services PMIs) เดือนมีนาคม โดยตลาดมองว่า ภาคการบริการจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ชี้จากดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ที่อาจอยู่ที่ระดับ 54.5 จุด (ดัชนีมากกว่า 0 หมายถึง ภาวะขยายตัว) ขณะที่ภาคการผลิตอาจยังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตจะอยู่ที่ระดับ 47.5 จุด อนึ่ง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมาคาดหวังว่า เฟดยังมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดในอนาคต
2. ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของทั้งสองธนาคารกลาง ว่าจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยจนแตะจุดสูงสุด (Terminal Rate) ณ ระดับใด หลังอัตราเงินเฟ้อชะลอลงต่อเนื่อง โดยล่าสุด อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ของยูโรโซน เดือนมีนาคม ได้ชะลอลงสู่ระดับ 6.9% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ทรงตัวที่ระดับ 5.7%
3. ฝั่งเอเชีย – ตลาดมองว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในส่วนภาคการบริการ (Tankan Non-Mfg.) ของทั้งบริษัทขนาดเล็กและขนาดใหญ่อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 7 จุด และ 20 จุด ตามลำดับ ขณะที่ภาคการผลิตอาจเผชิญแรงกดดันจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้ ดัชนี ความเชื่อมั่นในภาคการผลิต (Tankan Mfg.) ของบริษัทขนาดเล็กและขนาดใหญ่จะปรับตัวลดลงสู่ระดับ -6 จุด และ 3 จุด ตามลำดับ ในส่วนนโยบายการเงิน ตลาดมองว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.60% เพื่อรอประเมินผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยก่อนหน้าต่อเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ขณะที่ ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) และธนาคารกลางอินเดีย (RBI) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 5.00% และ 6.75% ตามลำดับ เพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถชะลอลงกลับสู่เป้าหมายได้
4. ฝั่งไทย – เราคาดว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนมีนาคม อาจลดลงสู่ระดับ 54 จุด สะท้อนว่า ภาคการผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราชะลอลง กดดันโดยความต้องการสินค้าที่ลดลง ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า สอดคล้องกับยอดการส่งออกของไทยที่ยังคงหดตัวในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ แม้ภาคการผลิตอาจชะลอตัวลง ทว่าในส่วนภาคการบริการมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยหนุนให้ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Business Sentiment) อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.8 จุด ในเดือนมีนาคม และจากภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น หนุนโดยการบริโภคภาคเอกชน ทำให้เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI เดือนมีนาคม อาจทรงตัวที่ระดับ 1.9% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI อาจชะลอลงสู่ระดับ 3.20% (+0.10%m/m) ตามการปรับตัวลงของราคาสินค้าพลังงานและระดับฐานราคาที่สูงในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ แม้อัตราเงินเฟ้อจะชะลอลง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงอยู่ ทำให้เรามองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก +0.25% สู่ระดับ 2.00% ได้ในการประชุมครั้งถัดไป
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก
สรุป 5 ข้อที่ต้องเช็กก่อนเข้าออเดอร์เทรด 1. วางแผนเกณฑ์การเทรดให้ชัดเจน 2. รอสัญญาณคอนเฟิร์มก่อนเข้าออเดอร์ 3. ตั้งค่า Stop Loss เป็น Pips 4. คำนวณผลตอบแทนและความเสี่ยง (Risk/Reward) 5. คำนวณ Lot Size ให้เหมาะสม
เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ
บทวิเคราะห์ราคาบิตคอยน์
FXTM
Pepperstone
Tickmill
STARTRADER
Vantage
OANDA
FXTM
Pepperstone
Tickmill
STARTRADER
Vantage
OANDA
FXTM
Pepperstone
Tickmill
STARTRADER
Vantage
OANDA
FXTM
Pepperstone
Tickmill
STARTRADER
Vantage
OANDA