简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ฮงยอมรับว่า นอกจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยแล้ว ปัจจุบันเริ่มศึกษาตลาดคริปโตฯ และหุ้นต่างประเทศบ้าง เพียงแต่สัดส่วนการลงทุนยัง ‘น้อยมาก’ เมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ฮงยอมรับว่า นอกจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยแล้ว ปัจจุบันเริ่มศึกษาตลาดคริปโตฯ และหุ้นต่างประเทศบ้าง เพียงแต่สัดส่วนการลงทุนยัง ‘น้อยมาก’ เมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย “โชคดีที่เหรียญคริปโตฯ หนึ่งซึ่งผมเข้าไปลงทุน ราคาขึ้นมาเป็นเท่าตัว ตอนนี้ก็ขายออกไปหมดแล้ว ขายไปที่ราคา 36 ดอลลาร์ ตอนเดือนกันยายน จากราคาที่เข้าไปซื้อราวๆ 17 ดอลลาร์ ตอนเดือนเมษายน”
ฮงเล่าว่า สาเหตุที่เลือกลงทุนในเหรียญที่ว่านี้ (ไม่ขอเอ่ยชื่อ) เพราะเห็นว่ามีระบบโทเคน และที่สำคัญซัพพลายของเหรียญยังสามารถแปลงไปเป็น StableCoin (เหรียญที่มีสินทรัพย์หนุนหลัง) ได้ ซึ่งเท่าที่ลองศึกษาพบว่า เจ้า StableCoin ของเหรียญนี้คนนิยมนำไปใช้สำหรับการฟาร์มเพื่อรับผลตอบแทนกันค่อนข้างมาก
กลไกการฟาร์มเหรียญเหล่านี้ฮงยกตัวอย่างว่า คนที่อยากซื้อหุ้น Apple หรือ Tesla ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าไปซื้อหุ้นนั้นจริงๆ ก็สามารถเข้าไปลงทุนในระบบที่ราคาเหรียญผูกกับราคาหุ้นเหล่านั้นได้ พอซื้อเสร็จก็เอาเหรียญเหล่านี้มาฟาร์ม แล้วรอรับผลตอบแทนที่คล้ายกับการกินดอกเบี้ยแต่มีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า
นอกจากนี้แพลตฟอร์มของเหรียญดังกล่าวยังมีระบบที่สามารถนำ StableCoin ไปฝาก ซึ่งคล้ายกับการฝากเงินในธนาคาร แล้วรอรับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยที่สูงถึง 20% เขาจึงค่อนข้างมั่นใจว่าด้วยระบบต่างๆ ที่กล่าวมา น่าจะทำให้ความต้องการใช้เหรียญเหล่านี้มีจำนวนมากขึ้น
เกือบถอดใจตัดขาดทุนกว่า 70%
อย่างไรก็ตามฮงยอมรับว่า การเข้าลงทุนในตลาดนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถทำกำไรได้ทันที เพราะในช่วงแรกหลังจากที่เข้าลงทุนในเหรียญดังกล่าว ปรากฏว่าราคาของเหรียญอยู่ๆ ก็ร่วงลงรุนแรง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ตลาดคริปโตฯ เริ่มปรับฐานลงมาแรงในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ทำให้ราคาเหรียญที่เขาถืออยู่ร่วงลงตามไปด้วย
ฮงเล่าว่า ราคาเหรียญร่วงลงมาเหลือเพียง 5 ดอลลาร์ จากต้นทุนที่ 17 ดอลลาร์ ถ้าขายออกไปในช่วงนั้นจะขาดทุนมากถึง 70%.
“ช่วงที่ตลาดแตก (ราคาเหรียญหล่นไปแรงๆ) ก็แอบคิดเหมือนกันว่า สิ่งที่เราวิเคราะห์มาทั้งหมดมันใช่หรือไม่ มันเป็นไปอย่างที่เราคิดไว้หรือเปล่า เรามั่วหรือเปล่า เรียกว่าราคาร่วงหนักมากๆ จนเสียความมั่นใจ ตอนนั้นก็ถามตัวเองว่า ถ้าเราจะขายจะขายด้วยเหตุผลอะไร สุดท้ายตัดสินใจถือต่อ กระทั่งราคาเหรียญเด้งขึ้นมา”
ฮงบอกว่า ช่วงแรกที่ราคาเหรียญเริ่มรีบาวด์ ตอนนั้นคิดในใจว่า ถ้าได้ทุนคืนก็หรูแล้ว ซึ่งไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้กำไรเป็นเท่าตัว
เคล็ดลับการเลือกเหรียญลงทุนสไตล์ VI
สำหรับราคาเหรียญที่เด้งขึ้นมาฮงบอกว่า ส่วนหนึ่งต้องชมเจ้าของเหรียญที่เก่งด้วย โดยพยายามหารูปแบบบริการใหม่ๆ มาดึงดูดให้นักลงทุนมีความต้องการใช้เหรียญมากขึ้น ซึ่งข้อนี้ถือเป็นคุณสมบัติหลักที่เขาใช้สำหรับการคัดเลือกเหรียญคริปโตฯ ในการลงทุน ถ้าจะลงในเหรียญไหน ผมต้องดูว่าเจ้าของเก่งหรือไม่ อยากเห็นคนที่สร้างเหรียญเป็นคนหนุ่มไฟแรง มีหัวคิดล้ำๆ เพราะโลกของคริปโตฯ เป็นโลกของคนรุ่นใหม่ ต้องปรับตัวได้เร็ว ปรับตัวได้เก่ง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นล้าหลังคนอื่น ดังนั้นคนพัฒนาเหรียญก็ต้องตีโจทย์นี้ให้แตกว่าจะหารายได้อย่างไร มีค่าธรรมเนียมจากช่องทางไหนได้บ้าง แล้วทำอย่างไรจึงจะตอบโจทย์ผู้ลงทุนเพื่อดึงเขามาใช้เหรียญมากขึ้น
สำหรับ Bitcoin ฮงยอมรับว่า ไม่เคยเข้าไปลงทุน เพราะ ‘ประเมินมูลค่า’ ไม่ออก ซึ่งในความเข้าใจของเขา Bitcoin เป็นเรื่องความเชื่อที่คนมองกันว่าจะเป็นตัวแทนของทองคำในโลกดิจิทัล แต่สำหรับฮงแล้ว แม้แต่ทองคำเอง เขาก็ไม่รู้ว่ามูลค่าที่แท้จริงเป็นเท่าไรกันแน่ “คนซื้อ Bitcoin ในความเห็นผม เขาคงอยากรักษาเสถียรภาพของค่าเงินเอาไว้ เช่น ในเวเนซุเอลาที่เงินด้อยค่า คนในประเทศก็เอาเงินมาถือเป็น Bitcoin เพื่อจะรักษามูลค่าของเงิน จึงเชื่อว่าคนที่ลงทุนใน Bitcoin ส่วนหนึ่งน่าจะมีแนวคิดแบบนี้”
อย่างไรก็ตามฮงย้ำว่า ทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงการเริ่มต้นในตลาดคริปโตฯ โดยถือเป็นช่วงเวลาของการลองผิดลองถูก เป็นช่วงของการศึกษาเพื่อให้รู้ว่ารูปแบบการวิเคราะห์ต้องเป็นแบบใดจึงจะสามารถอยู่รอดและมีกำไรได้ในตลาดนี้ นอกจากนี้เขายอมรับด้วยว่า อยู่ระหว่างมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งเท่าที่ศึกษาในตอนนี้พบว่า หากหาเหรียญที่น่าสนใจได้ ก็พอจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อยู่ เพียงแต่การลงทุนในตลาดนี้มีความเสี่ยงมากกว่าตลาดหุ้นค่อนข้างมาก ดังนั้นผู้ลงทุนจำเป็นต้องรับความเสี่ยงได้สูง จะเห็นว่าฮงใช้หลักการลงทุนในตลาดคริปโตฯ ผ่านการ ‘ประเมินมูลค่า’ ของตัวเหรียญ โดยวิเคราะห์ดูว่าในอนาคตเหรียญนั้นจะมีรูปแบบหรือเครื่องมือใดที่ดึงดูดให้ผู้คนหันมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหลักการที่ว่านี้ไม่ต่างไปจากการประเมินมูลค่าของตัวหุ้นที่นักลงทุน VI นำมาใช้กัน
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ