简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:โดย Yasin Ebrahim ดัชนี S&P 500ปิดตัวลดลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นธนาคารต่างพากันร่วงลง แม
โดย Yasin Ebrahim
ดัชนี S&P 500ปิดตัวลดลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นธนาคารต่างพากันร่วงลง แม้ว่าผลประกอบการรายไตรมาสจะออกมาดี ในขณะที่ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าภาวะเงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อในระดับที่ร้อนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ก่อนที่จะมีแถลงการณ์ของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดในวันนี้
ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.3% หลังจากทำสถิติสูงสุดที่ 4,392.30 ในวันเดียวกัน ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 0.3% หรือ 107 จุด แม้ว่าจะทำลายสถิติระหว่างวันไว้ที่ 35,018.79 จุด ส่วนดัชนี Nasdaq ลดลง 0.4% จากสถิติระหว่างวันที่ 14,803.70 จุด
JPMorgan (NYSE:JPM) และ Goldman Sachs Group Inc (NYSE:GS) ทำกำไรรายไตรมาสได้สำเร็จ โดยทั้งคู่ทำผลงานได้ดี แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการสินเชื่อและผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่อ่อนตัวลงทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตต่อไป
กลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของวัน เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นหลังจากการประมูลพันธบัตรอายุ 30 ปีชี้ให้เห็นสัญญาณของอุปสงค์ที่อ่อนตัว สร้างแรงกดดันต่อราคาซื้อขายซึ่งผกผันกับอัตราผลตอบแทน
“ผลการประมูลชี้ให้เห็นถึงความไม่สบายใจต่อผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีที่ต่ำกว่า 2% และการลดลงของจำนวนผู้ซื้อ แสดงให้เห็นว่าจะมีพันธบัตรสำหรับขายหลังการประมูลมากกว่าปกติ” Jefferies (NYSE:JEF) กล่าวในรายงาน
ก่อนการประมูล อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอยู่ในภาวะถดถอย เนื่องจากนักลงทุนมองข้ามคำยืนยันจากเฟดว่าภาวะเงินเฟ้อเป็นเพียงปัญหาชั่วคราว
การเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานสูงที่สุดเมื่อเทียบปีต่อปี นับตั้งแต่ปี 2009 และ 1991 ตามลำดับ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนส่วนใหญ่ที่เกิดจากการกลับมาเปิดใหม่ของธุรกิจเสื้อผ้า รถยนต์ และการเดินทาง ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญ สติฟเฟลกล่าว
อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจดำเนินต่อไปจากการเปิดเศรษฐกิจใหม่ทั่วโลก หากสถานการณ์โควิดผ่านจุดย่ำแย่ที่สุดไปแล้วและมีการฉีดวัคซีนทั่วโลกเพิ่มขึ้น
“สถานการณ์โควิดในญี่ปุ่นยังคงมีความไม่แน่นอน แต่ผมคิดว่าการเปิดภาคธุรกิจใหม่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกและอาจนำไปสู่ปัญหาเงินเฟ้อในอนาคต” ดาร์เรน ชูริงกา ซีอีโอของ ASYMmetric กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Investing.com เมื่อวันอังคาร
หุ้น PepsiCo (NASDAQ:PEP) ปรับขึ้นราคาเป้าหมาย หลังจากประกาศรายได้ที่เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ ท่ามกลางการเติบโตที่แข็งแกร่งรายไตรมาสจากธุรกิจในอเมริกาเหนือ
หุ้น Boeing (NYSE:BA) ร่วงลงมากกว่า 4% หลังจากเปิดเผยข้อบกพร่องด้านคุณภาพการผลิตของเครื่องบินรุ่น 737 Dreamliners
ในขณะเดียวกัน ผลตอบแทนที่สูงขึ้นอย่างกะทันหันก็ทำให้นักลงทุนเดิมพันในหุ้นเติบโตมากขึ้น แม้ว่าราคาหุ้น Microsoft และ Apple จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หุ้นFacebook Inc (NASDAQ:FB), Alphabet Inc Class C (NASDAQ:GOOG), Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT),Apple Inc (NASDAQ:AAPL) และ Amazon.com Inc (NASDAQ:AMZN) มีทั้งขึ้นและลงคละเคล้ากันไป
แต่การประเมินมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีไว้ในระดับสูง ทำให้ยังคงมีแรงซื้อจากนักลงทุน เมื่อเทียบหุ้นวัฏจักรที่ราคาถูกกว่า ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีในช่วงแรกของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ในช่วงแรกของการฟื้นตัว หุ้นคุณค่ามีแนวโน้มที่จะทำผลงานได้ดีกว่า ผมคิดว่านักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงของพอร์ตเต็มใจที่จะขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเมื่อเทียบกับการถือหุ้นไว้หรือซื้อเพิ่ม ชูริงกากล่าว
การปิดตลาดในแดนลบเกิดขึ้นก่อนการแถลงการณ์ของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ เกี่ยวกับนโยบายการเงิน เขาได้รับการคาดหวังว่าจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเปิดภาคธุรกิจใหม่อย่างแข็งแกร่ง แม้อาจจะยังคงแนะนำว่า ปัญหาเงินเฟ้อเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว
“พาวเวลล์น่าจะตระหนักถึงการเปิดภาคธุรกิจครั้งใหญ่ในแถลงการณ์วันนี้ แต่เขาจะไม่เปลี่ยนแปลงท่าทีที่เน้นถึงความอดทนของเฟด” Pantheon Macroeconomics ระบุในรายงาน
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
FxPro
GO MARKETS
IC Markets Global
HFM
Vantage
STARTRADER
FxPro
GO MARKETS
IC Markets Global
HFM
Vantage
STARTRADER
FxPro
GO MARKETS
IC Markets Global
HFM
Vantage
STARTRADER
FxPro
GO MARKETS
IC Markets Global
HFM
Vantage
STARTRADER