简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:เป็นอีกครั้งที่ตลาดลงทุนยังเป็นไปตามกลไกธรรมชาติ ยามใดที่สงสัยว่าโลกมีภัยพิบัติ ให้สังเกตได้จากตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ว่ากำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือไม่ ในปีนี้ ขณะที่เดือนมีนาคมและเมษายนคือฝันร้ายของตลาดหุ้นแต่สำหรับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์แล้วนี่คือปีที่หลายๆ ตลาดได้เปิดตัวเข้าสู่ขาขึ้นเต็มรูปแบบและคาดว่าแนวโน้มนี้จะคงอยู่ไปจนถึงปี 2021
ทำไมเราจึงเชื่ออย่างนั้น? อย่างที่เคยพูดเอาไว้ว่า “ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเดิม” หากเป็นเช่นนั้นจริงก็มีความเป็นไปได้สูงที่สถานการณ์ในปี 2020 กำลังจะกลับไปเหมือนอย่างเช่นในปี 2008 ในตอนนั้นสินค้าโภคภัณฑ์หลายตัวก็สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ตลาดกาลได้ แต่ในครั้งนี้เราเชื่อว่าขาขึ้นของสินค้าโภคภัณฑ์อาจไปได้ไกลกว่าเดิมเพราะเงินกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบนี้สูงกว่าปี 2008 หลายเท่านัก
ปีแห่งการเปล่งประกายของตลาดสินค้าแร่โลหะ
สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทแร่โลหะทั้งสี่บนตลาดซื้อขายล่วงหน้า COMEX และ NYMEX ล้วนแล้วแต่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมาตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2019 ราคาซื้อขายทองคำล่วงหน้าเคยมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1,520 ในวันที่ 30 ธันวาคมปี 2019 แต่มาถึงวันนี้กลับมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจนมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1,880 ในวันที่ 24 ธันวาคม 2020 คิดเป็นการเพิ่มขึ้นของมูลค่า 23.7%
นอกจากทองคำแล้ว แร่เงินก็ปรับตัวขึ้นจาก $17.90 ในปี 2019 ขึ้นไปยัง $25.90 ในปี 2020 คิดเป็นการเพิ่มขึ้นของมูลค่า 44.7% พาลาเดียมขึ้นจาก $1,912.10 ไปยัง $2,330 คิดเป็นการเปลี่ยนแปลงของราคา +21.9% แพลตินัมขึ้นจาก $965.10 เป็น $1,030 แต่ในบรรดาขาขึ้นของทั้งสี่ตลาด มีเพียงแร่เงินเท่านั้นที่ปรับตัวขึ้นได้ช้าที่สุด
จากรูปกราฟแร่เงินรายเดือน แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาที่แร่เงินลงไปสร้างจุดต่ำสุดที่ $11.74 จากนั้นความผันผวนในตลาดลงทุนโลก จึงทำให้ราคาแร่เงินสามารถขึ้นมายัง $29.915 ได้ในเดือนสิงหาคม จากพฤติกรรมราคาล่าสุดที่ย่อลงมาจากจุดสูงสุด ยังมีโอกาสให้แร่เงินสามารถกลับขึ้นไปยังจุดสูงสุดเดิมและไปได้ไกลกว่านี้อีกในปี 2021
การคืนชีพของตลาดพลังงาน
อีกหนึ่งตลาดที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในปี 2020 คือสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทพลังงานนั่นก็คือน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ภัยโรคระบาดส่งผลให้ราคาซื้อขาย น้ำมันดิบ WTI บนตลาด NYMEX ร่วงลงสู่ระดับติดลบได้เป็นครั้งแรกในเดือนเมษายน ก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือ $45 ต่อบาร์เรลได้ก่อนสิ้นปี 2020
รูปกราฟรายเดือนด้านบนแสดงให้เห็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของน้ำมันดิบ WTI ที่ได้ลงไปสู่ระดับติดลบ $40.32 บาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ราคาซื้อขายน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าก็ได้ลงไปสร้างจุดต่ำสุดเอาไว้ที่ $16 บาร์เรลต่อวัน สาเหตุที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากในตอนนั้นเกิดมาจากปริมาณน้ำมันดิบที่มีอยู่ล้นตลาดจนไม่มีที่สต็อคน้ำมันดิบ
จากเดือนเมษายนในวันนั้น ข้ามมาถึงเดือนธันวาคมในตอนนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $48.23 ต่อบาร์เรล แม้จะมีระดับตัวเลขต่ำกว่าราคาปิดในปี 2019 อยู่ 21.2% ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ในตอนนี้ก็มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $51.29 ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับราคาสุดท้ายของปี 2019 อยู่ 22.3% แม้ตลาดน้ำมันดิบจะสามารถฟื้นตัวกลับมาจากจุดต่ำสุดในเดือนเมษายน แต่การที่ราคาไม่สามารถกลับขึ้นไปในระดับเดียวกับปี 2019 ก็สะท้อนให้เห็นความจริงของปริมาณความต้องการน้ำมันดิบที่ลดลงในปี 2020
ตลาดซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าบนตลาด NYMEX ลงไปสร้างจุดต่ำสุดในช่วงเวลาใกล้เคียงกับตลาดน้ำมันดิบ ตอนนั้นราคาลงไปสร้างจุดต่ำสุดที่ $1.02 ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนก่อนจะกลับขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดที่ $15.65 ต่อ MMBtu
จากรูปกราฟรายไตรมาสแสดงให้เห็นการเคลื่อนที่ของราคาในช่วงเดือนมิถุนายน ตอนนั้นบริษัทของวอร์เรน บัฟเฟต (NYSE:BRKa) ประกาศควบรวมกิจการกับบริษัทผลิตและส่งออกก๊าซธรรมชาติโดมิเนียน เอ็นเนอร์จี้ (NYSE:D) ทำให้กราฟของก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $2.518 ต่อ MMBtu ปรับตัวขึ้น 15.3% ในวันที่ 24 ธันวาคมปี 2020 ยิ่งการมาถึงของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในปีหน้าที่มีนโยบายสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดอย่างเต็มตัวยิ่งทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติจะได้รับแรงหนุนในปี 2021
สินค้าทางการเกษตรกำลังเตรียมตัวขึ้น
ครั้งสุดท้ายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้นต้องย้อนกลับไปไกลถึงปี 2012 ในตอนที่โลกประสบกับภัยแล้ง ตอนนั้นราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างเช่นข้าวโพด ถั่วเหลือง ล้วนแล้วแต่สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้ทั้งสิ้น ส่วนข้าวสาลีก็มีราคาซื้อขายที่สูงขึ้นโดยมีราคาอยู่ที่ $9.4725 ต่อบุชเชล
ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2020 ราคาซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์หลายตัวกำลังมีราคาเพิ่มขึ้นและสามารถคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นได้จนถึงไตรมาสที่สี่
ราคาซื้อขายข้าวโพดสามารถวิ่งอยู่ในขาขึ้นได้ห้าเดือนติดต่อกัน ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดเอาไว้ที่ $4.505 ในวันที่ 24 ธันวาคม ปรับตัวขึ้นสูงกว่าราคาปิด $3.8725 ในปี 2019 คิดเป็น 16.3%
ราคาซื้อขายข้าวสาลีล่วงหน้าบนตลาด CBOT ปรับตัวขึ้นไปยัง $6.3825 ต่อบุชเชลในเดือนตุลาคมและมีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $6.2775 ในวันที่ 24 ธันวาคม สูงกว่าราคาปิดสุดท้ายในปี 2019 อยู่ 12.2% ส่วนราคาซื้อขายถั่วเหลืองมีราคาซื้อขายสูงกว่าระดับราคาปิดของปีที่แล้วอยู่ที่ 33.9%
แร่โลหะอื่นๆก็ได้รับความนิยมจากนักลงทุน
เมื่อพูดถึงแร่โลหะอื่นนอกจากทองคำหรือเงินแล้ว โลหะอีกหนึ่งตัวที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยก็คือทองแดงเพราะประเทศจีนคือผู้นำเข้าแร่ประเภทนี้มากที่สุดในโลก ดังนั้นแนวโน้มของทองแดงจึงสามารถบ่งบอกถึงความสามารถในการผลิตของประเทศจีนได้ในระดับหนึ่ง
ครั้งหนึ่งราคาซื้อขายทองแดงเคยลงไปสร้างจุดต่ำสุดที่ $2.0595 ต่อปอนด์เมื่อปี 2016 ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นมามีราคาซื้อขายล่าสุดในวันที่ 24 ธันวาคมอยู่ที่ $3.5585
ในกราฟซื้อขายทองแดงล่วงหน้า รายเดือนบนตลาด COMEX มีราคาปิดในปี 2019 อยู่ที่ $2.7985 ต่อปอนด์ หากวัดจากราคาปัจจุบันลงไปหาระดับราคาดังกล่าวจะพบว่ากราฟได้วิ่งขึ้นมาแล้ว 27.2% นอกจากนี้แร่อื่นๆ อย่างเช่นเหล็ก แร่หิน ไม้แปรรูปต่างก็มีราคาซื้อขายเพิ่มขึ้นบนตลาดแลกเปลี่ยนแร่โลหะในกรุงลอนดอน (LME)
3 เหตุผลที่จะหนุนให้ขาขึ้นในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงอยู่ต่อไป
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จะปรับตัวลงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมและก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จะปรับตัวขึ้นหลังจากนั้นในขณะที่ตลาดหุ้นร่วงลงไปสร้างจุดต่ำสุด เมื่อมองไปยังปี 2021 ที่กำลังจะมาถึงกับปัญหาโควิด-19 ยังไม่จบ มีเหตุผลสามข้อหลักๆ ที่ทำให้ผมมองว่าตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จะยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อไป
1. การคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับใกล้กับ 0% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ต่อไปจนถึงปี 2023 นอกจากนี้การเพิ่มเงินเข้าระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การใช้เงิน $120,000 ล้านเหรียญสหรัฐในการซื้อสินทรัพย์แต่ละเดือนเพื่อกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อให้ขึ้นถึงเป้า
2. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในรอบแรก $3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐและรอบที่สองล่าสุดอีก $900,000 ล้านเหรียญสหรัฐยิ่งทำให้เงินในระบบมีเพิ่มมากขึ้น เมื่อ supply ในตลาดมีมาก demand ก็ยิ่งน้อยลงเป็นของคู่กัน
3. ผลกระทบจากข้อที่สองคือการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งถือเป็นคู่ปรับของราคาทองคำ
จากรูปจะเห็นชัดว่าการมาถึงของโควิด-19 ทำให้ตลอดทั้งปีนี้ดัชนี ดอลลาร์สหรัฐที่ใช้วัดมูลค่าของสกุลเงินสำรองอันดับหนึ่งของโลกโดยเฉพาะร่วงลงจากระดับ 100 ลงมายัง 90 เมื่อมีจำนวนเงินอยู่ในตลาดมากขึ้น
เราได้เห็นกันมาแล้วในปี 2020 ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมามีแต่จะกระตุ้นให้สินค้าโภคภัณฑ์ได้ปรับตัวขึ้น เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2008 และกำลังจะเกิดขึ้นซ้ำอีกในช่วงเวลาอีกสี่ปีข้างหน้านับจากนี้ ยิ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคราวนี้มีปริมาณเยอะกว่าในปี 2008 หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจริง ไม่ว่าอย่างไรสินค้าโภคภัณฑ์ก็มีแต่จะปรับตัวสูงขึ้น
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
Pepperstone
XM
EC Markets
Vantage
IC Markets Global
FOREX.com
Pepperstone
XM
EC Markets
Vantage
IC Markets Global
FOREX.com
Pepperstone
XM
EC Markets
Vantage
IC Markets Global
FOREX.com
Pepperstone
XM
EC Markets
Vantage
IC Markets Global
FOREX.com