简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:“พวกเขาคือกลุ่มเด็กหนุ่มอัจฉริยะ ที่วันๆ ก็จะนั่งคลิกเมาส์ อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และหาโอกาสทำกำไร โกยเงินจากทั่วทุกมุมโลก”
พวกเขาคือกลุ่มเด็กหนุ่มอัจฉริยะ
ที่วันๆ ก็จะนั่งคลิกเมาส์ อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
และหาโอกาสทำกำไร โกยเงินจากทั่วทุกมุมโลก
นี่คือคำพูดที่ Mugur Isarescu ผู้ว่าการธนาคารกลางประเทศโรมาเนีย กล่าวยกย่องถึงทีมนักเทรดค่าเงินที่สร้างรายได้เข้าประเทศถึง 8,400 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
พวกเขาคือใครกัน..!? เหตุใดจึงได้รับอนุญาตให้นำเงินทุนสำรองของประเทศ มาใช้ในการลงทุนได้!?
เราจะไปทำความรู้จักกันในบทความนี้ครับ…
ประเทศโรมาเนีย เป็นประเทศที่ก็ไม่ได้ร่ำรวยมาก ผู้คนมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประมาณเดือนละ 27,000 บาท
แม้จะมากกว่าประเทศไทย ที่มีประชากรมีรายได้เฉลี่ยประมาณเดือนละ 16,400 บาท
แต่หากเทียบกับชาติยักษ์ใหญ่ในยุโรป ตัวเลขของโรมาเนีย ก็ยังน้อยกว่าประเทศบิ๊กเบิ้มอย่างเยอรมนี อยู่ประมาณ 4 เท่า!!
ขณะที่เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของโรมาเนีย ก็อยู่อันดับที่ 47 ของโลก ด้วยตัวเลขประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท
(เสริมความรู้: ประเทศไทย มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่อันดับ 12 ของโลก ที่ 6.3 ล้านล้านบาท)
แต่ธนาคารกลางโรมาเนีย ก็มองว่าพวกเขาควรจะหาโอกาสสร้างผลตอบแทน จากเงินทุนสำรองที่มีอยู่นี้
นั่นจึงเป็นที่มาของการก่อตั้ง “ทีมนักเทรดค่าเงิน”
ทีมดังกล่าว ประกอบไปด้วยเด็กหนุ่มคนรุ่นใหม่ระดับหัวกะทิ 30 คน ซึ่งตามข่าวก็ไม่ได้มีการเปิดเผยชื่อ หรือยกย่องบุคคลใดบุคคลหนึ่งขึ้นมา
การทำงานของทีมนี้ เป้าหมายคือใช้กองทุนสำรองระหว่างประเทศเป็นต้นทุน สร้างกำไรจากการเทรดค่าเงินให้ได้มากที่สุด
ผลงานของพวกเขาที่ผ่านมา 2 ปี ก็ค่อนข้างทำให้ผู้ว่าการธนาคารกลางรู้สึกพึงพอใจ
ในปี 2017 พวกเขาสามารถทำกำไรประมาณ 1,400 ล้านบาท
ในปี 2018 พวกเขาสามารถทำกำไรประมาณ 8,400 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนถึง 6 เท่า!!
แน่นอนว่า การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง… ยิ่งการเทรดค่าเงิน ก็ยิ่งมีความผันผวนและความเสี่ยงสูง
จากเงินทุนสำรองจำนวน 1.2 ล้านล้านบาทนั้น พวกเขาได้รับอนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 5% ของเงินทุนสำรองเท่านั้น
ในจุดนี้ ทางผู้ว่าการธนาคารกลาง ให้ความเห็นว่าเพื่อเป็นการปกป้องตัวประเทศโรมาเนียเอง
หากเกิดกรณีเลวร้ายที่สุดขึ้นมา คือเงินหายไปหมดทั้งกอง
ส่วนของเงินทุนสำรองของทั้งประเทศ ก็จะไม่หายวับไปกับตา ยังเหลืออยู่มากถึง 95% เลยทีเดียว
เท่ากับว่า เงินทุนของทีมเทรดค่าเงินหัวกะทิ จะมีอยู่ประมาณ 60,000 ล้านบาท
และการทำกำไร 8,400 ล้านบาท หากเทียบกับต้นทุนแล้ว ก็ยังคงสูงถึง 14% ซึ่งเป็นตัวเลขผลตอบแทนของการลงทุนที่ไม่น้อยเลย
ลองจินตนาการว่าพวกเขานำเงินกำไรจุดนี้ ไปทบกับเงินต้นเดิม และทำผลกำไรได้ในปีต่อๆ ไป ไม่ต้องถึงระดับ 14% แต่แค่รักษาไว้ประมาณ 10%
เวลาผ่านไป 1 ปี จากเงิน 68,400 ล้านบาท จะกลายเป็น 75,200 ล้านบาท
เวลาผ่านไป 5 ปี กำไร 10% ต่อปี จะกลายเป็นเงิน 110,000 ล้านบาท
เวลาผ่านไป 10 ปี จะกลายเป็นเงิน 177,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าเงินทุนที่พวกเขาได้รับมาตอนแรกถึง 3 เท่า!!
อย่างไรก็ตาม ความมหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้นนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าทีมนักเทรดค่าเงินจะคงอัตราการทำกำไรเช่นนี้ไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ
ทีมที่ผู้ว่าการธนาคารกลางโรมาเนียบอกว่าทั้ง 30 คนคือ “เด็กหนุ่มอัจฉริยะ” นั้น
จะสามารถทำกำไรให้กับประเทศของพวกเขาไปอีกเป็นระยะเวลา 10 ปีได้จริงหรือไม่ คงจะต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
แต่นั่นก็ทำให้เราได้ข้อคิดอย่างหนึ่งว่า..
ในโลกของธุรกิจและการเงินนั้น โดยเฉพาะในยุคออนไลน์ที่ทุกคนสามารถเชื่อมต่อกันได้ ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก
“โอกาส” มีอยู่รอบตัวเราเสมอ และ “เงินทอง” ก็ลอยอยู่รอบตัวเราเช่นกัน
อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นโอกาสนั้นก่อน ไปไล่ตามมันก่อน และคว้ามันไว้ได้ก่อนหรือไม่
มามองที่ตัวเราเอง ตอนนี้เรามองเห็นโอกาสอะไรหรือยัง เราเริ่มต้นวิ่งเข้าหามันหรือยัง เราได้ลองไปล้มลุกคลุกคลานกับมันรึเปล่า หรือเราปล่อยมันผ่านไปเฉยๆ
มีแต่ตัวเราเท่านั้นครับ ที่จะให้คำตอบได้…
เรียบเรียง ประณิธิ วงศ์คำจันทร์ และ billionmindset.com
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
การลงทุนที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มผลกำไรจากการเทรด Forex
บทวิเคราะห์ Bitcoin
กฎของ 72 เป็นสูตรที่เรียบง่าย แต่มีประโยชน์มากสำหรับนักลงทุนที่อยากรู้ว่าเงินลงทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น สองเท่า ภายในเวลากี่ปี ด้วยอัตราผลตอบแทนรายปีที่กำหนด หรือหากนักเทรดรู้ระยะเวลาที่เงินจะเพิ่มเป็นสองเท่าแล้ว กฎนี้ยังช่วยคำนวณอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่คุณต้องการได้ด้วย
พีระมิดการลงทุนไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังสร้างสมดุลให้พอร์ตการลงทุนได้อย่างยั่งยืน หัวใจสำคัญคือการวางแผนและจัดการพอร์ตให้เหมาะสมกับเป้าหมาย พร้อมทั้งศึกษาและเข้าใจสินทรัพย์แต่ละประเภทอย่างลึกซึ้ง