ตราสารหนี้ ETFสหรัฐฯ เงินไหลออกมากเป็นประวัติการณ์

ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่บางคนคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง แต่อย่างไรก็ตามคุณอาจจะลืมมองในอีกแง่มุมเช่นกัน นั่นคือ หนี้ระยะยาวของประเทศ จากข้อมูลได้มีการแสดงให้เห็นว่า iShares 20+ ปี ซึ่งเป็น ETF ของการคลังสหรัฐฯ พึ่งจะสร้างสถิติสูงสุดสำหรับเงินทุนไหลออกมากที่สุดโดยนักลงทุนมีการถอนเงินมากกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีเพิ่มสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาใกล้ 2%

ธนาคารแห่งมอนทรีออลมีการเขียนไว้ในรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า: "การขายออกล่าสุดส่วนใหญ่นั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นไปตามเศรษฐกิจที่มีการเติบโตตามการณ์คาดการณ์ของตลาด เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และความก้าวหน้าทางการค้าระหว่างประเทศรวมถึงความก้าวหน้าจากการเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะทำให้ค่าเสื่อมราคาของพันธบัตรระยะยาวเพิ่มขึ้นอีก "แต่เรากำลังกังวลว่าท้ายที่สุดแล้ว การเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงระยะสั้นอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญให้มีการถดถอยค่าลงของพันธบัตรในระยะยาวก็เป็นได้

การผ่อนคลายความตรึงเครียดของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ และความคาดหวังของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอาจจะส่งผลให้นักลงทุนหันมาสนใจในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง แม้ว่าทรัมป์จะได้รับผลกระทบจากความสัมพันธ์ทางการค้าเมื่อเร็ว ๆ นี้แต่ S&P 500 ก็ยังคงปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ใกล้จุดที่สูงสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการไหลออก ETF ของ iShares 7-10 ในสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 553.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ "โดยความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังลดลง

เศรษฐกิจโลกในขณะนี้ได้ส่งสัญญาณออกมาว่าช่วงเวลาที่รุนแรงที่สุดของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจได้ผ่านไปแล้วและตลาดโดยรวมกำลังเปลี่ยนทิศทาง ทั้งนี้เหล่าผู้คนที่มีอำนาจตัดสินใจในธนาคารกลางต่างๆ ที่สำคัญของโลก รู้ว่าช่องทางในการผลักดันเศรษฐกิจนั้นคือการลดอัตราดอกเบี้ยได้ ทั้งนี้ไม่ใช่แต่เพียงนโยบายทางการเงินเท่านั้นธนาคารกลางหลายแห่งรวมถึง Lagarde และ Kuroda ยังคงเชื่อมั่นและการดำเนินมาตราการทางการคลังของรัฐบาลควบคู่ไปกับนโยบายการเงินจะเป็นส่วนสำคัญในการเติบโตของเศรษฐกิจ

ธนาคารกลางอาจเข้าใกล้ขีดจำกัด ในการช่วยเหลือเศรษฐกิจ หากในช่วงที่มีการลดอัตราดอกเบี้ยจนถึงระดับแตะ0 และสถานการณ์ทางการเงินมีการตึงตัวขึ้น อาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่ต่อเศรษฐกิจทั้งนี้การสนับสนุนนโยบายการคลังของภาครัฐจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง