简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ล่าสุด มีข่าวจากเว็บไซต์ข่าวหุ้นว่า SCB กำลังจะผันตัวเป็นบริษัทโฮลดิง อธิบายง่าย ๆ ก็คือ บริษัทจะผันตัวไปเป็นผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนในธุรกิจอื่น ยกตัวอย่างธุรกิจโฮลดิงในประเทศไทย ก็เช่น PTT และ INTUCH ที่ลงทุนในหลากหลายธุรกิจ
ล่าสุด มีข่าวจากเว็บไซต์ข่าวหุ้นว่า SCB กำลังจะผันตัวเป็นบริษัทโฮลดิง อธิบายง่าย ๆ ก็คือ บริษัทจะผันตัวไปเป็นผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนในธุรกิจอื่น ยกตัวอย่างธุรกิจโฮลดิงในประเทศไทย ก็เช่น PTT และ INTUCH ที่ลงทุนในหลากหลายธุรกิจ
ซึ่งจากข่าว SCB จะแยกธุรกิจลีสซิ่งและจำนำทะเบียนรถ เพื่อนำไป IPO จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ช่วงต้นปี 2565 ลักษณะเดียวกันกับที่ปตท. IPO แยก OR เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งการทำแบบนี้เรียกว่า Spin-Off หรือ แยกธุรกิจออกมาจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ การทำแบบนี้ก็เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวธุรกิจ
เพราะจะเห็นได้ว่า ในตลาดหลักทรัพย์ มีหลายบริษัทลีสซิ่งที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุน เนื่องจากธุรกิจได้กำไรดี เติบโตสูง ทำให้นักลงทุนยอมให้มูลค่าบริษัทต่อกำไรที่มาก (P/E สูง)
ตัวอย่างของบริษัทกลุ่มนี้ก็คือ
- MTC เมืองไทย แคปปิตอล
- SAWAD ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น
- TIDLOR เงินติดล้อ
ถ้าอธิบายให้เห็นภาพก็คือ
MTC มีมูลค่าบริษัท 1.33 แสนล้านบาท เป็นเกือบ 3 เท่าของ KKP ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ทั้งที่สองบริษัทนี้มีกำไรอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
ซึ่งนอกเหนือจากการทำธุรกิจลีสซิ่งแล้ว อีกธุรกิจที่อาจจะถูกนำไปจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็คือ ธุรกิจบัตรเครดิต คล้ายกับ KTC ของธนาคารกรุงไทย
ตอนนี้ KTC มีมูลค่าบริษัท 1.62 แสนล้านบาท ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า ธนาคารกรุงไทย ที่ 1.56 แสนล้านบาทเสียอีก ทั้งที่ธนาคารกรุงไทยมีกำไรมากกว่า KTC 3 เท่า
พอเรื่องเป็นแบบนี้ SCB ก็เล็งเห็นถึงมูลค่าที่ซ่อนอยู่ของบริษัทตัวเอง เพราะ SCB มีธุรกิจที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลีสซิ่ง หรือ บัตรเครดิต ส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจเหล่านี้ของ SCB ก็ไม่น้อยหน้าใครเสียด้วย ถ้าข่าวนี้เป็นจริง และ SCB เลือกที่จะ Spin-Off บริษัทลูกของตัวเองออกมา แล้วผันตัวเองไปเป็นโฮลดิง ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ที่ผู้บริหารรู้จักใช้เทคนิค เครื่องมือทางตลาดทุน ในการเพิ่มมูลค่าทางตลาดให้กับธุรกิจในเครือ
นอกจากนั้น SCB มีแผนที่จะทำธุรกิจใหม่ ๆ เช่น ธุรกิจ P2P Lending หรือธุรกิจการปล่อยกู้ระหว่างบุคคล ที่ธนาคารจะเป็นตัวกลางในการจับคู่และมีรายได้จากค่านายหน้า ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วย ที่น่าสนใจว่าจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยได้หรือไม่ และปิดท้ายด้วย การเป็น Trading Platform ศูนย์ซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี รวมไปถึง ตัวกลางในการรับฝาก และทำตลาดรองสำหรับเหรียญที่ ICO ซึ่งเรื่องนี้ก็น่าจับตาว่า ถ้าธนาคารยักษ์ใหญ่ลงมาเล่นตลาดนี้เอง ผู้เล่นในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเดิมจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง
ดูเหมือนว่า แนวโน้มในอนาคต ธนาคารจะต้องแยกธุรกิจที่ทำกำไรได้ดีออกจากธนาคารเดิม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เพราะมุมมองของนักลงทุนต่อธนาคารรูปแบบเดิม อาจจะไม่ชอบใจสักเท่าไร แต่ถ้าแยกธุรกิจแล้วปรับแต่งให้เติบโต จากของที่คนไม่ค่อยเห็นค่า ก็อาจกลายเป็นของที่คนแย่งกัน ก็เป็นได้..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นนี้ การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
แอปพลิเคชั่น ‘Wikibit’ มีฟีเจอร์โดนๆ สำหรับนักลงทุน อย่าง การตรวจสอบ Exchange และ Token เพื่อช่วยให้การตัดสินใจในการลงทุนของคุณนั้นง่ายขึ้น เพียงแค่คุณกดค้นหาเท่านั้น ข้อมูลที่คุณควรรู้ก็จะปรากฏขึ้นมาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คะแนนความน่าเชื่อถือจากแอป ใบอนุญาต ข้อมูลโครงการ การเยี่ยมชมจากเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันการมีอยู่ของบริษัทนั้นตามที่ได้แจ้งข้อมูลกับทาง ก.ล.ต. เพื่อขอใบอนุญาต ถือว่าครบจบในแอปเดียว อย่ารอช้าโหลดเลย!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อุทาหรณ์โดนหลอกเทรด Crypto จาก Binance สู่แชร์ลูกโซ่
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีนักลงทุนคริปโตท่านหนึ่งตั้งกระทู้ ‘Pantip’ ถามว่า “จะสามารถตามเงินคืนได้ไหม?” หลังถูกมือดีๆ แฮกเข้าบัญชีเว็บเทรดคริปโตเจ้าดังในไทย สูญเงินไปกว่า 1.5 ล้านบาท
บริษัทลูกธนาคารไทยพาณิชย์ “Token X” พร้อมลุยตลาด Crypto ตั้งเป้าเป็นองค์กรชั้นนำในอาเซียนปี 2025